การตรวจสุขภาพตาด้วยเครื่อง OCT วินิจฉัยโรคตาได้อย่างละเอียดและแม่นยำ
ศูนย์ : ศูนย์จักษุ
บทความโดย : พญ. วิภาวี วงษ์ไชยคณากร
โรคตาบางชนิดอาจไม่มีอาการแสดงผิดปกติเลยในระยะแรกของโรค เช่น จอประสาทตาเสื่อม ต้อกระจก ต้อหิน หากไม่ได้รับการรักษาจะค่อยๆ ลุกลามมากขึ้น จนสูญเสียการมองเห็นอย่างถาวรในที่สุด การตรวจสุขภาพตาจึงมีความจำเป็นไม่น้อยไปกว่าการตรวจสุขภาพอื่นๆ โดยปัจจุบันเทคโนโลยีทางการแพทย์ได้มีการพัฒนาการตรวจสุขภาพตาและวินิจฉัยโรคตาได้อย่างแม่นยำ ด้วยเครื่อง OCT (Optical coherence tomography) ที่ไม่ก่อให้เกิดความเจ็บปวด ไม่ต้องฉีดยาและสามารถดูเส้นเลือดในตาโดยไม่ต้องฉีดสี ตรวจง่าย ละเอียด และ รวดเร็ว
การตรวจสุขภาพตาด้วยเครื่อง OCT
เครื่อง OCT (Optical Coherence Tomography) เทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ในการตรวจจอประสาทตา เป็นเครื่องมือที่ใช้ถ่ายภาพประสาทตาในลักษณะภาพตัดขวาง เป็นภาพ 2 และ 3 มิติ โดยภาพที่ได้จากเครื่อง OCT จะให้ความละเอียดในการวินิจฉัยได้ถึงระดับ 10-15 ไมครอน (1 ไมครอน คือ 1/100 มิลลิเมตร) สามารถตรวจความหนาของชั้นจอประสาทตาและพยาธิสภาพ เช่น ค้นหาความเสี่ยงของการทำลายเซลล์ประสาทตาจากภาวะต้อหินได้ละเอียดและชัดเจน ต้อกระจก จอประสาทตาเสื่อมเนื่องจากอายุ จอประสาทตาบวมจากเบาหวานขึ้นจอตา พังผืดบริเวณจอประสาทตา วัดความหนาของจอตาเพื่อใช้วิเคราะห์โรคต่างๆ ได้อย่างแม่นยำ นอกจากนี้ ยังสามารถเห็นรายละเอียดบริเวณรอยต่อระหว่างน้ำวุ้นตากับจุดกลางรับภาพจอประสาทตาได้อีกด้วย ซึ่งจะประมวลผลด้วยระบบคอมพิวเตอร์เพื่อดูความผิดปกติได้ทันที และยังสามารถติดตามการรักษาได้อย่างแม่นยำ
เครื่อง OCT สามารถตรวจวินิจฉัยโรคตา อะไรได้บ้าง
การตรวจสุขภาพตาด้วยเครื่อง OCT จะไม่ทำให้เกิดความเจ็บปวด ไม่ต้องฉีดยาและสามารถดูเส้นเลือดในตาโดยไม่ต้องฉีดสี ไม่ต้องสัมผัสรังสี ผู้เข้ารับการตรวจจะไม่ได้รับอันตรายใดๆ สามารถวิเคราะห์โรคได้อย่างแม่นยำ ตรวจง่ายและรวดเร็ว โดยสามารถตรวจวินิจฉัยโรคตาได้หลายประเภท เช่น
- โรคจอประสาทตาจากโรคเบาหวาน
- โรคจอประสาทตาเสื่อม เนื่องจากอายุ (AMD) โดยมีความเสี่ยงในผู้ที่มีอายุมากกว่า 50 ปี โรคจุดรับภาพบวมจากภาวะต่างๆ เช่น เบาหวาน เส้นเลือดดำที่จอประสาทตาอุดตัน
- โรคจุดรับภาพฉีกขาด
- ภาวะพังผืดที่จอประสาทตาและจุดรับภาพ
- ภาวะจอประสาทตาหลุดลอก
- ภาวะเส้นเลือดผิดปกติที่จอประสาทตา
- โรคต้อหิน ซึ่งมีความเสี่ยงในผู้ที่มีอายุมากกว่า 40 ปี ผู้ที่มีการอักเสบเรื้อรังในม่านตา และ มีประวัติคนในครอบครัวเป็นต้อหิน
- โรคต้อกระจก
ใครบ้างที่ควรตรวจสุขภาพตา
ทุกคน ทุกวัย ไม่ว่าจะเป็นเด็กเล็ก เด็กวัยเรียน วัยรุ่น วัยทำงาน ควรได้รับการตรวจสุขภาพตา (รวมทั้งตรวจจอประสาทตา) ทุก 2-4 ปี และสำหรับผู้ที่มีอายุมากกว่า 40 ปี ควรได้รับการตรวจจอประสาทตาจากจักษุแพทย์ ทุก 1 - 2 ปี แม้จะไม่มีอาการผิดปกติในการมองเห็น เพื่อประเมินความเสี่ยงต่อการเกิดโรคจอประสาทตาเสื่อม ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้กลุ่มผู้สูงอายุสูญเสียการมองเห็น รวมไปถึงผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงโรคทางตา ก็ควรรับการตรวจสุขภาพตาเป็นประจำ เช่น
- ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดัน ภูมิคุ้มกันบกพร่อง
- ผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นโรคต้อหิน กระจกตาเสื่อม จอประสาทตาเสื่อม
- การได้ยาบางชนิดที่มีผลกับตา
- ผู้ที่ใช้คอนแทคเลนส์เป็นประจำ
- ผู้ที่ทำงานที่ใช้สายตามาก
การเตรียมตัวเมื่อมาพบจักษุแพทย์เพื่อตรวจตา
ผู้ตรวจไม่ควรมาคนเดียว เนื่องจากในการตรวจจอตาต้องมีการใช้เครื่องมือพิเศษ จักษุแพทย์ต้องขยายม่านตาด้วยการหยอดตา ส่งผลให้ตามัวต่อเนื่องประมาณ 4-6 ชั่วโมง จึงไม่ควรขับรถหรือเดินทางกลับโดยลำพัง
แม้ว่าจะไม่มีอาการผิดปกติในการมองเห็น แต่การตรวจสุขภาพตาถือเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรละเลย หากมีความผิดปกติทางตา หรือเป็นโรคตา การพบจักษุแพทย์เป็นประจำ และได้รับการรักษาแต่เนิ่นๆ จะป้องกันความพิการทางสายตาได้ นอกจากนี้การตรวจพบ และเริ่มดูแลตั้งแต่ระยะแรกของโรค ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายในการรักษาได้ ซึ่งการมีสุขภาพตาและการมองเห็นที่ดี เป็นส่วนหนึ่งของการมีคุณภาพชีวิตที่ดีด้วย
ปรึกษาทุกปัญหาสุขภาพแบบออนไลน์
ไม่เสียค่าใช้จ่าย
บทความทางการแพทย์ศูนย์จักษุ